1. ผิวมัน คือผิวที่เกิดจากต่อมไขมัน ทำงานมากเกินปกติ และรูขุมขนมีขนาดใหญ่ จึงเกิดความมันโดยเฉพาะบริเวณ T-ZONE ปัญหาที่ตามมาคือ สิว เพราะเกิดการอุดตันของน้ำมันตามรูขุมขน แต่ข้อดีของคนผิวมันคือ จะไม่เกิดปัญหาเรื่องริ้วรอยได้ง่ายเหมือนผิวประเภทอื่น การดูแลผิวควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมความมันและป้องกันการเกิดสิว
ลักษณะผิวมัน |
2. ผิวแห้ง คือผิวบริเวณแก้ม มีความแห้ง บนใบหน้า มีความมันน้อย หรือไม่มีเลย ผิวตึง รู้สึกไม่ค่อยสบายผิว ผิวลอกเป็นขุย ไม่เรียบเนียน ซึ่งมีสาเหตุมาจากผิวขาดน้ำมันหล่อเลี้ยงตามธรรมชาติ และไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้ ตรงกันข้ามกับผิวมัน ผิวแห้งจะมีรูขุมขนที่ละเอียด แต่ผิวแห้งกร้านและอาจถึงขั้นลอกเป็นขุย ผิวไม่นุ่มนวลเกิดริ้วรอยได้ง่ายเมื่ออายุมากขึ้น ผิวจะมีแนวโน้มแห้งมากขึ้น เพราะต่อมไขมันทำงานช้าลง การดูแลผิวควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวและป้องกันการเกิดริ้วรอย
ลักษณะผิวแห้ง |
3. ผิวผสม คือผิวที่มีทั้งผิวแห้งและผิวมัน ซึ่งผิวค่อนมันอยู่ในบริเวณ T-ZONE (บริเวณ หน้าผาก จมูก คาง) ต่อมไขมันบริเวณนี้จะมีขนาดใหญ่และทำงานได้ดีกว่าบริเวณอื่น ทำให้มีปัญหาเรื่องสิวได้ ส่วนผิวบริเวณแก้มทั้ง 2 ข้าง มีลักษณะผิวธรรมดาหรือผิวแห้ง การดูแลผิวจึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยปรับสมดุลของผิวทั้ง 2 บริเวณให้ใกล้เคียงกัน
ลักษณะผิวผสม |
4. ผิวธรรมดา เรียกได้ว่าเป็นผิวที่ดีที่สุด มักไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผิวแห้งมากเกินไป หรือมันเกินไป ปัญหาเรื่องริ้วรอยหรือสิวจึงพบได้น้อย นอกจากการทำความสะอาด ปรับสภาพผิวและเติมความชุ่มชื่นให้กับผิวแล้วก็ควรดูแลผิวเพิ่มเติมเมื่อต้องไปเผชิญกับสภาวะกับอากาศที่ร้อนหรือหนาวจัด เพื่อคงสุขภาพผิวที่ดีไว้
ลักษณะผิวธรรมดา |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น