หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ลักษณะผิวแบบต่างๆ

ความแตกต่างของสีผิว ในปัจจุบันสามารถแบ่งแยกได้มากกว่า   4 สีผิว เพราะมีการผสมผสานระหว่างสีผิว ทำให้ยุคปัจจุบันลูกครึ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ  แต่อย่างไรก็ตามเราสามารถจัดลักษณะผิวได้ออกเป็นกลุ่มใหญ่ ได้ 4 ประเภท

1.  ผิวขาวชมพู
ผิวขาวอมชมพู
     เป็นผิวที่ลักษณะเด่นคือความขาวออกชมพู ส่วนใหญ่เป็นชาวตะวันตก เกาหลี และญี่ปุ่น การแต่งหน้า และการเลือกใช้เสื้อผ้าจึงไม่มีขีดจำกัด เราสามารถเลือกแต่งได้ทุกสีสันทุกโทนสี เพราะผิวพรรณมีลักษณะขาวนวลผ่อง และบางคนยังมีสีชมพูผสมอยู่มากกว่าผิวสีอื่น ผิวจึงดูสว่างสดใส

2. ผิวขาวเหลือง
ผิวขาวเหลือง
    สีผิวขาวเหลืองมีความเด่นอยู่ในตัว  เป็นสีผิวกลางๆ ลักษณะสีผิวชนิดนี้สามารถแต่งหน้าแต่งเสื้อผ้าได้แทบทุกโทนสี เช่นเดียวกับผิวขาว สีที่เหมาะสมที่สุดจะเป็นสีส้ม หรือสีบรอนซ์ หรือสีทอง ดำ ขาว  เพราะผิวจะอยู่ระหว่างสีผิว 2 ประเภท คือสีดำกับผิวขาวเหลืองซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคนเอเชีย  การแต่งหน้าจึงควรยึดหลักในโทนสีผิวของตน คือดูจากความกลมกลืน เช่น ดำกลมกลืนกับเท่าฉะนั้น ผิวขาวก็กลมกลืนกับสีชมพู ผิวแทนจะดูกลมกลืนกับสีส้มหรือบรอนซ์ 

3.  ผิวแทนหรือผิวสีน้ำผึ้ง
ผิวแทนหรือผิวสีน้ำผึ้ง

     ผิวแทนเป็นสีผิวที่ดูแล้วมีเสน่ห์ มีความเซ็กซี่ในสีผิว  ชาวตะวันตกจะชอบผิวสีนี้ จึงนิยมการอาบแดด (get suntan) กันมาก การแต่งหน้านิยมใช้สีโทนร้อน (Yellow  base) เช่น ทอง  เหลือง แดง ส้ม  ส้มอมน้ำตาลเป็นต้น

4.  ผิวดำหรือผิวคล้ำ
ผิวดำหรือผิวคล้ำ

     สีผิวของคนผิวดำจะมีโทนน้ำตาลเทาและส้มผสมอยู่มาก ผิวชนิดนี้ถูกแสงแดดทำให้ผิวยิ่งคล้ำมากขึ้น ฉะนั้น คนที่ผิวกลุ่มนี้ควรหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดโดยตรง การแต่งหน้าและการเลือกใช้เสื้อผ้ามีขีดจำกัด สีที่เหมาะสมที่สุดก็เป็นสีดำและเทา รองลงมาเป็นสีน้ำตาลเทา น้ำตาลอ่อน  น้ำตาลแดง ส้มน้ำตาล ระดับของสีผิวคล้ำยังสามารถแยกออกไปอีกได้แก่ สีอ่อน กลาง เข้ม ซึ่งจะแต่งหน้าและแต่งตัวตามระดับของสีผิวได้

ลักษณะของผิวหน้า

สภาพของผิวหน้าแบบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
1.  ผิวมัน  คือผิวที่เกิดจากต่อมไขมัน ทำงานมากเกินปกติ และรูขุมขนมีขนาดใหญ่ จึงเกิดความมันโดยเฉพาะบริเวณ T-ZONE ปัญหาที่ตามมาคือ สิว เพราะเกิดการอุดตันของน้ำมันตามรูขุมขน แต่ข้อดีของคนผิวมันคือ จะไม่เกิดปัญหาเรื่องริ้วรอยได้ง่ายเหมือนผิวประเภทอื่น การดูแลผิวควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมความมันและป้องกันการเกิดสิว


ลักษณะผิวมัน


2. ผิวแห้ง คือผิวบริเวณแก้ม มีความแห้ง บนใบหน้า มีความมันน้อย หรือไม่มีเลย ผิวตึง รู้สึกไม่ค่อยสบายผิว ผิวลอกเป็นขุย ไม่เรียบเนียน ซึ่งมีสาเหตุมาจากผิวขาดน้ำมันหล่อเลี้ยงตามธรรมชาติ และไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้ ตรงกันข้ามกับผิวมัน ผิวแห้งจะมีรูขุมขนที่ละเอียด แต่ผิวแห้งกร้านและอาจถึงขั้นลอกเป็นขุย ผิวไม่นุ่มนวลเกิดริ้วรอยได้ง่ายเมื่ออายุมากขึ้น ผิวจะมีแนวโน้มแห้งมากขึ้น เพราะต่อมไขมันทำงานช้าลง การดูแลผิวควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวและป้องกันการเกิดริ้วรอย
ลักษณะผิวแห้ง


3.  ผิวผสม  คือผิวที่มีทั้งผิวแห้งและผิวมัน ซึ่งผิวค่อนมันอยู่ในบริเวณ T-ZONE (บริเวณ หน้าผาก จมูก คาง) ต่อมไขมันบริเวณนี้จะมีขนาดใหญ่และทำงานได้ดีกว่าบริเวณอื่น ทำให้มีปัญหาเรื่องสิวได้ ส่วนผิวบริเวณแก้มทั้ง 2 ข้าง มีลักษณะผิวธรรมดาหรือผิวแห้ง การดูแลผิวจึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยปรับสมดุลของผิวทั้ง 2 บริเวณให้ใกล้เคียงกัน
ลักษณะผิวผสม


4.  ผิวธรรมดา  เรียกได้ว่าเป็นผิวที่ดีที่สุด มักไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผิวแห้งมากเกินไป หรือมันเกินไป  ปัญหาเรื่องริ้วรอยหรือสิวจึงพบได้น้อย  นอกจากการทำความสะอาด ปรับสภาพผิวและเติมความชุ่มชื่นให้กับผิวแล้วก็ควรดูแลผิวเพิ่มเติมเมื่อต้องไปเผชิญกับสภาวะกับอากาศที่ร้อนหรือหนาวจัด เพื่อคงสุขภาพผิวที่ดีไว้
ลักษณะผิวธรรมดา